why-vietnam.com

VN Economy

Business Consulting - Specialist in Vietnam

Professional practice
Partnership oriented

Home : Vietnam Business Solution : VN Economy

Topic : หอการค้าแนะผนึกเวียดนามสร้างหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจแทนเปิดหน้าชน
October 24, 2022
by : TNBC


หอการค้าแนะผนึกเวียดนามสร้างหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจแทนเปิดหน้าชน

By ประภาศรี โอสถานนท์24 ต.ค. 2565 เวลา 9:00 น.333 กรุงเทพธุรกิจ

หอการค้า มองเศรษฐกิจเวียดนามโตต่อเนื่องแม้ประสบวิกฤติโควิด ชี้ ได้เปรียบทั้งค่าแรง แรงงานวัยหนุ่ม-สาว เงื่อนไขดึงดูดนักลงทุนต่างชาติ แถมมีเอฟทีเอแป็นแต้มต่อ ด้านหอการค้าไทย แนะจับมือเป็นหุ้นส่วนเศรษฐกิจอย่างมองเป็นคู่แข่ง

เศรษฐกิจของเวียดนามมีแนวโน้มเติบโตในปี 2565 แม้จะได้รับผลกระทบจากโควิด-19 และความตึงเครียดทางการเมืองทั่วโลก รวมถึงต้นทุนการผลิตสูงขึ้น แรงกดดันด้านเงินเฟ้อเพิ่มมากยิ่งขึ้น 

อย่างไรก็ตามเวียดนามควบคุมสถานการณ์จนถึงปัจจุบันได้ ใน 8 เดือนแรกของปี 2565 ดัชนีราคาผู้บริโภค (Consumer Price Index: CPI) เพิ่มขึ้นเพียง 2.58 % เมื่อเทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน ต่ำกว่าเป้าหมายที่คาดการณ์ 4%

ขณะที่การขยายตัวทางเศรษฐกิจของเวียดนามไตรมาสที่ 2 การเติบโตของ GDP อยู่ที่ 7.7% ซึ่งเป็นการเติบโตรายไตรมาสสูงที่สุดในรอบ 10 ปี ในขณะที่ไตรมาส 3 ขยายตัวถึง 13.67% รวมทั้งในช่วง 8 เดือนแรกของปี 2565 ดัชนีผลผลิตภาคอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้น 15.7% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2564

สนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ในฐานประธานสภาธุรกิจไทย-เวียดนาม กล่าวว่า ด้านการส่งออกเติบโตได้ดีท่ามกลางภาวะการค้าโลกที่ตกต่ำ โดยช่วง 8 เดือนแรกของปี 2565 การส่งออกมีรายได้ 250,800 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 17.3% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยคาดว่าภาคอุตสาหกรรมสิ่งทอยังคงเติบโตในช่วงหลังของปี 2565 เนื่องจากข้อตกลงการค้าเสรีที่เวียดนามลงนาม

ทั้งนี้แรงกดดันด้านเงินเฟ้อจะลดลง หากราคาอาหารและเชื้อเพลิงในตลาดโลกลดลงและการหยุดชะงักของห่วงโซ่อุปทานจะดีขึ้นในระยะสั้น คาดการณ์ว่า อัตราเงินเฟ้อของเวียดนามจะอยู่ที่ประมาณ 3.3 - 3.8% ในปี 2565

ส่วนอัตราเงินเฟ้อในเวียดนามยังไม่ถึงจุดสูงสุด เนื่องจากเวลาล่าช้าและคาดการณ์ว่า อัตราเงินเฟ้อจะเพิ่มขึ้นอีกจนถึงสิ้นปี 2565 ซึ่งรัฐบาลได้ควบคุมอัตราเงินเฟ้อได้ดีผ่านการรักษาเสถียรภาพราคาน้ำมันและการควบคุมปริมาณอาหาร การควบคุมนั้นมีประสิทธิภาพสูงต่อราคาที่สูงขึ้น เนื่องจากต้นทุนการขนส่ง ราคาอาหาร และราคาวัสดุก่อสร้างคิดเป็น 90% ของ CPI ที่เพิ่มขึ้น

 

เมื่อวิเคราะห์ประเทศไทย-เวียดนาม พบว่า ประเทศเวียดนามมีจำนวนประชากรมากกว่า 98 ล้านคน ประกอบกับหนี้ครัวเรือนที่ต่ำ ซึ่งหมายความมีความต้องการในการอุปโภคบริโภคที่สูงมาก เป็นปัจจัยสำคัญต่อการพัฒนาด้านเศรษฐกิจและการลงทุน นอกจากนี้ มีจำนวนแรงงานมากที่เรียกว่า “Golden Population Structure” คือมีจำนวนประชากรทีอายุต่ำกว่า 30 เป็นจำนวนมากกว่า 45%

ขณะเดียวกันอัตราค่าแรงงานขั้นต่ำที่ต่ำกว่าประเทศไทยดูเหมือนจะเป็นที่ดึงดูดต่อนักลงทุนชาวต่างชาติ แต่ถ้านับผลประโยชน์และค่าใช้จ่ายรวมในทุกด้าน ต้นทุนในด้านแรงงานก็ไม่ถือว่าได้เปรียบต่อการจ้างแรงงานในประเทศไทย และยังต้องพัฒนาฝีมีแรงงานให้มีทักษะมากขึ้น ในขณะที่เรามีความพร้อมในด้านฝีมือแรงงานที่มากกว่า

ด้านความน่าสนใจต่อการลงทุนและการค้าในประเทศก็นับว่ามีหลายปัจจัยที่สนใจ เช่น Ecosystems ที่พร้อม ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ทีมีการจัดการที่ดีมีคุณภาพ ในสภาพแวดล้อมที่ดีเหมาะสมการการอยู่อาศัย ประกอบกับวัฒนธรรมในการกินการอยู่ที่มีเสน่ห์ก็ถือว่าช่วยดึงดูดลงทุนและนักท่องเที่ยวได้เป็นอย่างดี การพัฒนาด้านเทคโนโลยีที่มีความต่อเนื่องของเรา ก็เป็นปัจจัยที่สำคัญในการเพิ่มมูลค่าเพิ่มของสินค้าและต้นทุนในการแข่งขันที่มากขึ้นด้วย นอกจากนี้การที่เราเป็นศูนย์กลางของประเทศจีนและอินเดียทำให้เรามีโอกาสในการสร้าง “Value Chain Connectivity” ที่จะให้เกิดโอกาสสำคัญต่อการลงทุนและการค้าเป็นอย่างมาก

นายสนั่น กล่าวว่า ความสัมพันธ์ระหว่างไทยและเวียดนามได้พัฒนามาอย่างต่อเนื่องในทุกระดับและมีความแน่นแฟ้นมากขึ้นในทุกมิติ จนถึงปัจจุบัน ทั้ง 2 ประเทศตกลงยกระดับความสัมพันธ์ขึ้นเป็นหุ้นส่วนยุทธศาสตร์ที่เข้มแข็ง (Strengthened Strategic Partnership) เมื่อปี ค.ศ.2019 ซึ่งสะท้อนว่าผลประโยชน์ของเราที่ผูกพันกันอย่างลึกซึ้ง ทั้งในด้านการเมืองและความมั่นคง เศรษฐกิจ สังคมและประชาชน ความเป็นหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจที่ใกล้ชิดระหว่างไทยกับเวียดนามมีความสำคัญอย่างยิ่ง เนื่องจากเป็นเศรษฐกิจที่มีขนาดใหญ่และมีศักยภาพสูงของอนุภูมิภาคลุ่มน้าโขง มีองค์ประกอบทางเศรษฐกิจที่สามารถเกื้อหนุนกันได้เป็นอย่างดี

ด้านการลงทุน ในบรรดาผู้ลงทุนต่างประเทศในเวียดนาม ไทยลงทุนสูงเป็นอันดับ 8 แต่เป็นอันดับ 2 ในกลุ่มผู้ลงทุนจากอาเซียน โดยมูลค่าการลงทุนสะสมสูงกว่า 13,000 ล้านดอลลาร์ ในอุตสาหกรรมหลากหลายสาขา แสดงให้เห็นถึงความมั่นใจในศักยภาพและโอกาสทางเศรษฐกิจของเวียดนาม ขณะเดียวกันเริ่มเห็นการลงทุนของเวียดนามในไทยเพิ่มขึ้น โดยในปีที่ผ่านมาการลงทุนของเวียดนามในไทยมีมูลค่ารวมกว่า 140 ล้านดอลลาร์

ทั้งนี้ แนวทางความร่วมมือที่ไทยและเวียดนามที่ควรให้ความสำคัญในระยะต่อไป เพื่อสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้ออำนวยต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างเข้มแข็งและยั่งยืนไปพร้อมกัน คือ ยุทธศาสตร์การเชื่อมโยง 3 ด้าน หรือ “Three Connects” ประกอบด้วย 

(1.) การเชื่อมโยงห่วงโซ่อุปทาน ปัจจุบันสินค้าที่ไทยและเวียดนามค้าขายกัน กว่าครึ่งหนึ่ง เป็นสินค้าขั้นกลางน้า (intermediate goods) สาหรับป้อนอุตสาหกรรมการผลิตทั้งเพื่อการบริโภคภายในประเทศและการส่งออก ซึ่งห่วงโซ่อุปทานในระบบการผลิตของทั้งสองประเทศเชื่อมโยงกันอยู่แล้วอย่างใกล้ชิด ดังนั้น ไทยและเวียดนามจึงควรเร่งให้เกิดการเชื่อมโยงห่วงโซ่อุปทานในอุตสาหกรรมที่เกื้อกูลกัน ให้มีระบบที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น อาทิ ปิโตรเคมี อาหาร ชิ้นส่วนเครื่องจักร และอิเล็กทรอนิกส์ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ ประสิทธิผล และลดต้นทุนการผลิต แล้วเชื่อมโยงระบบโลจิสติกส์ โดยการเร่งรัดการอานวยความสะดวกทางการค้าและลดอุปสรรคทางการค้าในทุกด้าน เพื่อให้สินค้าและปัจจัยการผลิตระหว่างสองประเทศสามารถเคลื่อนย้ายได้อย่างมีประสิทธิภาพและรวดเร็วยิ่งขึ้น

สำหรับการขนส่งสินค้า ทั้ง 2 ฝ่ายควรเร่งปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานเพื่อเชื่อมโยงเส้นทางคมนาคม โดยเฉพาะทางบก อาทิ เส้นทางหมายเลข 9 และหมายเลข 12 และเส้นทางหมายเลข 1 ซึ่งเชื่อมโยงไทยกับเวียดนามผ่าน สปป. ลาว และกัมพูชา รวมทั้งควรหาแนวทางลดระยะเวลาการดาเนินการที่จุดผ่านแดน โดยเฉพาะสำหรับสินค้าเกษตรซึ่งเน่าเสียง่าย

(2.) การเชื่อมโยงเศรษฐกิจฐานราก ในทุกวิกฤติทางเศรษฐกิจ กลุ่มที่มักจะได้รับผลกระทบเป็นอันดับแรกแต่ฟื้นตัวได้เป็นอันดับท้าย ๆ คือผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดเล็ก ซึ่งเป็นแท้จริงแล้วคือจักรกลสำคัญยิ่งในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของทั้งไทยและเวียดนาม ดังนั้น ไทยและเวียดนามจึงควรสนับสนุนให้ผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดเล็ก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในระดับท้องถิ่นของทั้งสองประเทศได้ติดต่อสัมพันธ์กันมากขึ้น เพื่อเพิ่มช่องทางในการประกอบธุรกิจ

นอกจากนี้ เวียดนามเป็นประเทศที่มีความสัมพันธ์เมืองคู่มิตร (Sister Cities) กับไทยมากที่สุดเป็นอันดับต้น โดยส่วนใหญ่เป็นจังหวัดในภาคอีสานของไทย ซึ่งมีความใกล้ชิดกับเวียดนามทั้งในทางภูมิศาสตร์และวัฒนธรรม ทั้ง 2 ฝ่ายจึงน่าจะใช้กรอบความสัมพันธ์เมืองคู่มิตรเหล่านี้ให้เป็นประโยชน์ ในการส่งเสริมการเชื่อมโยงเศรษฐกิจระหว่างภาคอีสานของไทยกับเวียดนาม เพื่อช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจในระดับท้องถิ่นของทั้งสองประเทศ และช่วยกระจายรายได้ไปสู่ประชาชนโดยตรง

3.การเชื่อมโยงยุทธศาสตร์การเติบโตอย่างยั่งยืน ปัจจุบันไทยกำหนดให้การพัฒนาเศรษฐกิจชีวภาพ เศรษฐกิจหมุนเวียน และเศรษฐกิจสีเขียว (Bio-Circular-Green Economy Model: BCG) เป็นวาระแห่งชาติ โดยภาคเอกชนไทยได้เริ่มนำแนวคิดดังกล่าวมาประยุกต์ใช้ในการประกอบธุรกิจโดยคำนึงถึงความยั่งยืนทั้งในด้านการใช้ทรัพยากรและเทคโนโลยีอย่างไม่ก่อให้เกิดโทษต่อสิ่งแวดล้อม

ขณะเดียวกัน เวียดนามก็มียุทธศาสตร์การเติบโตสีเขียว (Green Growth Strategy) ซึ่งมีเป้าหมายเพื่อลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์และเร่งพัฒนาประเทศไปสู่เศรษฐกิจสีเขียวและเศรษฐกิจหมุนเวียน ดังนั้น ทุกภาคส่วนของทั้งสองประเทศควรร่วมมือกันในด้านมาตรฐานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการเติบโตอย่างยั่งยืนให้เกื้อหนุน สอดคล้อง และเป็นไปในทิศทางเดียวกัน เพื่อให้ประเทศของเราทั้งสองประเทศสามารถใช้ประโยชน์จากโอกาสทางธุรกิจใหม่ ๆ อย่างดีที่สุด

“ยุทธศาสตร์การเชื่อมโยงทั้ง 3 ด้านดังกล่าวจะสนับสนุนให้ภาคธุรกิจของทั้ง 2 ประเทศสามารถใช้ศักยภาพและโอกาสที่มีอยู่ได้เต็มที่ และเสริมสร้างความเป็นหุ้นส่วนยุทธศาสตร์ทางเศรษฐกิจระหว่างไทยกับเวียดนามให้เข้มแข็งขึ้น”

VN Economy

เจาะลึกโอกาสลงทุนในเวียดนาม ใช้ประโยชน์สูงสุดจากข้อตกลงการค้าเสรี

สำหรับนักธุรกิจต่างชาติที่กำลังมองหาโอกาสการลงทุนที่เติบโตและสามารถเข้าถึงตลาดโลกได้อย่างกว้างขวาง เวียดนามคือจุดหมายที่ไม่ควรมองข้าม ด้วยเครือข่าย ข้อตกลงการค้าเสรี (FTA) ที่ครอบคลุม

Read More

เวียดนาม กัมพูชา ชอปแฟชั่นแอคเซสเซอรี่แบรนด์ LYN ยัสปาลลุยขยายสาขาเพิ่ม

JASPAL ลุยแผนเพิ่มสาขาแบรนด์ LYN ในเวียดนาม กัมพูชา หลังได้รับการตอบรับดี พร้อมเปิดแฟล็กชิพสโตร์ใหม่ที่เซ็นทรัลลาดพร้าว มั่นใจยอดขายรวมทั้งหมดในปีนี้

Read More

Vietnam central bank to raise policy rates by 100 basis points

HANOI (Reuters) -- Vietnam's central bank on Monday said it would raise its policy rates by 100 basis points

Read More